วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560


บันทึกอนุทิน

วิชา  การบริหารจัดการสถานศึกษาระดับปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน   ว่าที่ ร.ต.กฤตธ์ตฤณน์  ตุ๊หมาก
ประจำวัน  พุธที่  18  มกราคม   2560
เรียนครั้งที่   2  เวลา   12.30 - 15.30   น.  
กลุ่ม 102  



นำเสนอคำคมสำหรับการบริหาร

         เลขที่ 1



"ถ้าทุกคนรู้จักบริหารเวลาให้เป็นประโยชน์ ก็จะทำให้เราสำเร็จในสิ่งที่เราตั้งใจไว้ได้"


           เลขที่ 2



"แม้ผู้บริหารจะไม่ได้ทำงานเอง แต่ต้องอาศัยมือผู้อื่นด้วย เพื่อให้ประความสำเร็จ"


         เลขที่ 3


"อย่าฟังคนเพียงคำพูด รูปลักษณ์ภายนอก มันบ่งบอกไม่ได้"


การบริหารจัดการสถานศึกษาระดับปฐมวัย

 ➤ ความหมายและความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา
         การบริหาร  คือ 
             การบริหารการศึกษา แยกออกเป็น 2 คำ คือ การบริหาร และ การศึกษา ความหมายของ “การบริหาร” มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย ทั้งคล้ายๆกันและแตกต่างกัน คือ
                * การบริหาร คือ ศิลปะของการทำงานให้สำเร็จโดยใช้บุคคลอื่น
               * การบริหาร คือ การทำงานของคณะบุคคล ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่ร่วมกันปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน

               * การบริหาร คือ การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันทำงาน เพื่อจุดประสงค์อย่างเดียวกัน

     ** จากความหมายของ “การบริหาร” พอสรุปได้ว่า “การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้”

        การศึกษา  คือ  

           มีผู้ให้ความหมายไว้คล้ายๆกัน ดังนี้

          * การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา

          * การศึกษา คือ การสร้างเสริมประสบการณ์ให้ชีวิต
          * การศึกษา คือ เครื่องมือที่ทำให้เกิดความเจริญงอกงามทุกทางในตัวบุคคล
   ** จากความหมายของ “การศึกษา” ข้างบนนี้พอสรุปได้ว่า “การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี”


  เมื่อนำความหมายของ “การบริหาร” มารวมกับความหมายของ “การศึกษา” ก็จะได้ความหมายของ
  “การบริหารการศึกษา” ว่า“การดำเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้
ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี”

     การบริหารสถานศึกษา  คือ 
        * วีรชัย  วรรณศรี (2545) การบริหารสถานศึกษา หมายถึง กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกในสังคมให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้
        * วิโรจน์  สารัตนะ (2546) กล่าวว่า การการบริหารเป็นกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดหมายขององค์กร โดยอาศัยหน้าที่ทางการบริหารที่สำคัญประกอบด้วย การวางแผน (Planning) การจัด        องค์กร (Organizing) การนำ (Leading) และการควบคุม(Controlling)
        *เฉลิมชัย  สมท่า (2547)  กล่าวว่าการบริหารโรงเรียนเป็นกิจกรรมทางการศึกษาที่จะต้องทำอย่างเป็นระบบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

      สรุปการบริหารสถานศึกษา
             สรุปได้ว่า การบริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าหรือผู้นำดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร โดยใช้กระบวนการบริหารกลุ่มบุคคล กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคลให้เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำใหม่ เป็นผู้นำทางความคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การสร้างแรงจูงใจและจัดสรรการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นกลุ่มงานที่สัมพันธ์กันอย่างดี มีพลังคนที่มีความสามารถพร้อมสร้างบุคลากรให้ทำงานได้อย่างถูกต้องเพื่อให้บุคลากรร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพของงานภายในสถานศึกษาและให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกของสังคม

  ➤  ความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา
            * จันทรานี  สงวนนาม (2545) กล่าวว่า เพื่อความอยู่รอดขององค์กร การเรียนรู้เพื่อบริหารองค์กร จะช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมายของงานบุคลากรตลอดจนการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม
            * นงลักษณ์  วิรัชชัย (2545) กล่าวว่า การปฏิรูปสถานศึกษาจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้บริหารผู้บริหารมีคุณลักษณะต่อไปนี้ คือ มีความสามารถทางการบริหารตลอดจนการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม
            * Mckinson (2550) กล่าวว่า มนุษย์เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบริหาร ถึงแม้ว่าคุณค่าของมนุษย์จะเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้และไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์กำหนดคุณค่าเช่นเดียวกับวัตถุหรือสินค้าอื่นใด แต่ก็ยังถือว่ามนุษย์เป็นทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มีค่าและมีเกียรติสูงสุด

        สรุปการบริหารสถานศึกษา
                สรุปได้ว่า การบริหารสถานศึกษาหรือการบริหารองค์กร  สิ่งที่ต้องตระหนักหรือให้ความสำคัญ คือการบริหารงานบุคคล เพราะบุคคลเป็นทรัพยากรที่มีค่าในองค์กร ที่สามารถพัฒนาศักยภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ช่วยให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในองค์กรมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงาน เสริมสร้างความมั่นคงแก่สังคมและประเทศชาตินั้นหมายถึงผู้บริหารจะต้องมีความรู้เรื่องการบริหารเป็นอย่างดี


  ➤ หลักการ แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา
         
              หลักการบริหารงานบุคคล
                 สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2545)  ให้แนวคิดในการบริหารและการจัดการที่ดี เพื่อมาปรับใช้ในบริบทขององค์กรทางการศึกษา ในประเด็กดังนี้
                     1. การกำหนดจุดหมาย ผลที่คาดหวัง หรือภาพความสำเร็จของการบริหารและการจัดการที่ดี (Goal / Expected / Output)
                     2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)
                     3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)
                     4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)
                     5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่

              ขอบข่ายของการบริหาร
                 * กระทรวงศึกษาธิการ (2546) ได้กำหนดขอบข่ายภาระงานในการบริหารงานบุคคลไว้ประกอบด้วย 5 งาน ได้แก่
                      1. การวางแผนอัตรากำลังและการกำหนดตำแหน่ง
                      2. การสรรหาและการบรรจุแต่งตั้ง
                      3. การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
                      4. วินัยและการรักษาวินัย
                      5. การออกจากราชการ
                 *สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2545) ได้กำหนดขอบข่ายการบริหารงานบุคคลไว้ประกอบด้วย 6 งาน ได้แก่
                      1. การวางแผนกำลังคน
                      2. การสรรหา
                      3. การบรรจุแต่งตั้ง
                      4. การพัฒนา
                      5. การธำรงรักษา
                      6. การให้พ้นจากงาน
                      สรุป ได้ว่าขอบข่ายของการปฏิบัติงานของสถานศึกษาในการบริหารงานบุคคลนั้นมีภาระงานที่สำคัญๆ ที่สถานศึกษาควรปฏิบัติ ประกอบด้วย
                      1. การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง โดยมีการวิเคราะห์ภารกิจและประเมินสภาพความต้องการกำลังคน กับภารกิจของสถานศึกษามีการจัดทำภาระงานสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และแจ้งภาระงาน มาตรฐานคุณภาพงาน มาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ เกณฑ์ประเมินผลงานแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาก่อนมีการมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติงาน
                     2. การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง โดยมีการดำเนินการสอบแข่งขัน สอบคัดเลือกและคัดเลือกในกรณีจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูผู้ช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นในสถานศึกษา

            การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  (Science and arts)

                * เป็น ศาสตร์ เพราะ มีหลักการ กฎเกณฑ์ และทฤษฏีที่เชื่อถือได้ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเชิงวิทยาสาสตร์
                * เป็น ศิลป์ เพราะต้องทำงานกับคน ต้องเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ต้องฝึกให้ชำนาญ จึงต้องประยุกต์ใช้อย่างมีศิลป์

   ➤ ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานศึกษา
             ความหมายของทฤษฎี
               *กลุ่มของข้อเสนอ หรือ ของมโนทัศน์ที่สัมพันธ์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
               *เป็นข้อสรุปอย่างกว้างๆ ทั่วไปที่พรรณนาและอธิบายถึงพฤติกรรมและปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบ
              ความจำเป็นในการศึกษาทฤษฏี
               *ทฤษฏีเป็นพื้นฐานของการกำหนดสมมติฐานเพื่อทดสอบปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ ในเมื่อ                    *ทฤษฏีอยู่บนพื้นฐานของตรรกวิทยา มีเหตุผลแม่นยำ ถูกต้องแล้ว การปฏิบัติก็จะมีเหตุผลและถูกต้องเช่นเดียวกัน
               *ทฤษฏีเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัย โดยกำหนดทิศทางของการวิจัย

             พัฒนาการของทฤษฏีทางการบริหาร                                                                        


         
         ⦿ ทัศนะดั้งเดิม (Classical viewpoint)
                1. การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific management)
                     Frederick. W. Taylor (เทเลอร์) บิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ ได้เสนอ
หลัก 4 ประการ
                       1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
                       2. มีการวางแผนการทำงาน
                       3. คัดเลือกคนทำงาน
                       4. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ
   
                 2.ทฤษฏีการจัดการเชิงบริหาร (Administration management)
                      * Henry Fayol : หลักการบริหาร 14 หลักการ และขั้นตอนการบริการ POCCC
                      * Chester Barnard : ทฤษฏีการยอมรับอำนาจหน้าที่
                      * Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayol  โดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB
ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ
                       * Max Weber พัฒนาหลักการจัดการแบบราชการ
                            1. มีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการตัดสินใจ
                            2. ความไม่เป็นส่วนตัว
                            3. แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง
                            4. มีโครงสร้างการบังคับบัญชา
                            5. ความเป็นอาชีพที่มั่นคง
                            6. มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ
                            7. ความเป็นเหตุเป็นผล
                ข้อเสียของระบบราชการ.......
                     - ระเบียบปฏิบัติที่เคร่งครัดเกินไป ไม่ยืดหยุ่นทำให้งานล่าช้า ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์
                     -  การรวมศูนย์อำนาจ ทำให้ตัดสินใจล่าช้า ไม่ทันเหตุการณ์และเทคโนโลยี
                     - การมีสายการบังคับบัญชา ทำให้เกิดการชิงดีชิงเด่น ประจบประแจง
                     - การแบ่งงานตามความถนัดเป็นกลุ่ม ทำให้เกิดการสร้างอาณาจักร

         ทั้ง 3 ทฤษฏี มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร
              ความเหมือน
                    1. ด้านโครงสร้าง เน้นการแบ่งงานกันทำ การมีสายการบังคับบัญชา กำหนดหน้าที่ของการบริหาร เน้นหลักการ
                    2. ด้านผู้ปฏิบัติ เหมือนเครื่องจักร เน้นสิ่งจูงใจด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในงาน ความต้องปรับตัวเข้ากับงาน
                    3. ด้านผู้นำ ให้ความสำคัญกับบทบาทผู้นำ เอกภาพ ระบบคุณธรรม เป้าหมายองค์กรสำคัญกว่าบุคคล
                    4. ด้านการตัดสินใจ เน้นความเป็นเหตุผล ประสิทธิภาพ กำไร
              ความต่าง
                    - Taylor : กำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุด The one best way
                    - Fayol   : เน้นหลักการ 14 หลักการ
                    - Weber   : เน้นระเบียบข้อบังคับ มีเกณฑ์ประเมินผล

       ⦿ ทัศนะเชิงพฤติกรรม (Behavioral viewpoint)
              - ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก
              - การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น
              - ความเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์
              - หลักพฤติกรรมศาสตร์

             1. ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก (Early behavioral theories)
                   * Hugo Munsterberg บิดาแห่งจิตวิทยาอุตสาหกรรม  ใช้หลักจิตวิทยาในการจำแนกคนงานให้เหมาะสมกับงาน
                   * Mary Parker Follett นักปรัชญาแห่งเสรีภาพของบุคคล เน้นสภาพแวดล้อมในการทำงานและการมีส่วนร่วม

             2. การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น (Hawthorne studies)
                     * การทดลองของบริษัท เวสเทิร์น อิเล็กทริก ที่เมืองฮอว์ธร์น เพื่อศึกษาเกี่ยวกับผลของแสงไฟต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
                     * ในช่วงท้ายของการทดลอง Elton Mayo ร่วมทำการทดลอง สรุปข้อค้นพบว่า
                          - เงินไม่ใช้สิ่งจูงใจสำคัญเพียงอย่างเดียว
                          - กลุ่มไม่เป็นทางการมีอิทธิพลต่อองค์การ

             3. การเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์ (Human relation movement)
                    * Abraham Maslow :  มาสโลว์
                                ทฤษฏีลำดับขั้นความต้องการ
                    * Douglas McGregor : แมคเกรเกอร์
                                ทฤษฏี X และทฤษฏี Y

                  ทฤษฏี X และทฤษฏี Y
                   - เป็นสมมติฐานเกี่ยวกับทัศนะเกี่ยวกับผู้บริหารที่มีต่อคนงาน
                   - ทัศนะของผู้บริหารจะส่งผลต่อพฤติกรรมการบริหารงานของเขาด้วย
                   - เขาเห็นว่า องค์การแบบเดิม (รวมศูนย์ สื่อสารบนลงล่าง) ไม่ช่วยให้เกิดผลผลิต แต่                            - สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ เรียกว่าทฤษฏี X
                   - ทฤษฏี X มองว่าคนไม่ชอบทำงาน เลี่ยงความรับผิดชอบ
                   - ไม่ทะเยอทะยาน ชอบให้สั่งการ ต้องใช้เงินจูงใจ ต้องควบคุมมาก
                   - ทฤษฏี Y มองว่า คนจะให้ความร่วมมือถ้าพอใจในสภาวะการทำงาน
                   - คนขยันไว้ใจได้ ควบคุมตนเองได้ มีความคิดริเริ่มในการทำงาน ถ้าได้รับการจูงใจที่ถูกต้องจากเพื่อนร่วมงาน
                   - คนจะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

             4. หลักพฤติกรรมศาสตร์  (Behavioral science approach)
                   - เป็นการนำผลการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาทฤษฏีเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ จากศาสตร์ สาขาต่างๆ เมื่อ
                   - นำไปทดสอบแล้วจะเสนอให้นักบริหารนำไปใช้ เช่น ทฤษฏีการตั้งเป้าหมาย ของ Locke

       ⦿ ทัศนะเชิงปริมาณ (Quantitative viewpoint)

             1.การบริหารศาสตร์ (Management science)
                     มุ่งเพิ่มความมีประสิทธิผลในการตัดสินใจจากการใช้ตัวแบบคณิตศาสตร์และวิธีการเชิงสิติ ซึ่งแพร่หลายได้รวดเร็วเนื่องจากความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างซับซ้อนมากขึ้น

             2. การบริหารปฏิบัติการ (Operation management)
                  - ยึดหลักการบริหารกระบวนการผลิตและให้บริการ
                  - กำหนดตารางการทำงาน
                  - วางแผนการผลิต
                  - การออกแบบอาคารสถานที่ การประกันคุณภาพ
                  - การใช้เทคนิคเครื่องมือต่างๆ เช่น เทคนิคการทำนายอนาคต
                  - การวิเคราะห์รายการ ตัวแบบเครือข่ายการทำงาน การวางแผน
และควบคุมโครงการ

             3. ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (management Information System)
                     สารสนเทศบริหารศาสตร์ MIS เน้นการนำเอาระบบข้อมูลสารสนเทศโดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหาร (Computer based information system : CBISs)

      ⦿ ทัศนะร่วมสมัย (Contemporary viewpoint)
           1. ทฤษฏีเชิงระบบ (System theory)
               ระบบแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ระบบเปิดและระบบปิด
                   ⦁ ระบบเปิดและระบบปิดไม่ได้แยกออกจากกัน  มีลักษณะอยู่ 9 ประการ
                           - มีปัจจัยป้อนเข้าจากภายนอก
                           - มีกระบวนการที่ก่อให้เกิดผลผลิต
                           - ปัจจัยป้อนออกเป็นผลผลิตหรือบริการ
                           - มีวงจรต่อเนื่อง
                           - มีการต่อต้านแนวโน้มสู่ความเสื่อมของระบบ
                           - ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการปรับตัว
                           - มีแนวโน้มสู่ความสมดุล
                           - มีแนวโน้มสู่คามซับซ้อน
                          - มีหลายเส้นทางเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย

             2. ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์ (Contingency theory)

                    หลักการบริหารงานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์หนึ่งๆ เท่านั้น ในสถานการณ์ที่ต่างไป ผู้บริหารอาจกำหนดหลักการจากการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของแต่ละสถานการณ์เพื่อกำหนดแนวทางให้เหมาะสมกับโครงสร้าง เป้าหมายและผู้ปฏิบัติงานในองค์การ

             3 ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่
                   ทฤษฏี Z  ทฤษฏีการบริหารแบบญี่ปุ่น โดย William Ouchi โดยรวมหลักการบริหารแบบอเมริกันรวมกับแบบญี่ปุ่นมีหลักการสำคัญคือ ความมั่นคงในงาน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รับผิดชอบปัจเจกบุคคล เลื่อนตำแหน่งช้า ควบคุมไม่เป็นทางการ แต่วัดผลเป็นทางการ สนใจภาพรวมและครอบครัว






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น